top of page
Search

ตำหนิ (Inclusions) ที่พบในเพชรแท้เท่านั้น

ตำหนิ (Clarity Characteristic) พบได้ทั้งในเพชรและอัญมณีชนิดอื่นๆ เป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงคุณภาพความสะอาด และลักษณะเฉพาะของเพชรและอัญมณีแต่ละเม็ด แบ่งออกเป็น ตำหนิภายใน (Inclusions) คือ ตำหนิที่อยู่ภายในเพชร หรือตำหนิที่แทรกตัวจากพื้นผิวของเพชรเข้ามาภายในเพชร และตำหนิภายนอก (Blemishes) คือ ตำหนิที่อยู่บนพื้นผิวของเพชรเท่านั้น

ตำหนิมีหลายประเภท โดยแต่ละประเภทมีลักษณะเฉพาะ และส่งผลต่อความแข็งแรงของเพชรไม่เหมือนกัน นักอัญมณีอาศัยความรู้และความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ตำหนิภายใน (Inclusions) ของเพชร เพื่อประเมินว่าเป็นเพชรแท้หรือเพชรสังเคราะห์


ปัจจุบันมีเพชรสังเคราะห์ที่มีคุณสมบัติ และหน้าตาเหมือนเพชรแท้ทุกประการ อีกทั้งผู้ผลิตเพชรสังเคราะห์พยายามหาวิธีการเพื่อให้เพชรที่สังเคราะห์ขึ้นมีความใกล้เคียงกับเพชรแท้มากที่สุด แม้กระทั่งพยายามสร้างตำหนิภายในเพื่อให้ดูคล้ายกับตำหนิภายในของเพชรแท้ นอกจากนักอัญมณีแล้ว คนทั่วไปจึงไม่สามารถแยกระหว่างเพชรแท้และเพชรสังเคราะห์ได้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าเพชรสังเคราะห์และเพชรแท้จะเหมือนกันหมดทุกอย่าง ตำหนิบางประเภทที่ไม่พบในเพชรสังเคราะห์ พบแค่ในเพชรแท้เท่านั้น ตัวอย่างเช่น


Included mineral crystals


ระหว่างการกำเนิดเพชร (Diamond formation) เพชรอาจล้อมรอบผลึกแร่ หรือ คริสตัลของแร่ธาตุต่างๆ ทำให้แร่ธาตุเหล่านั้นกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเพชร และกลายมาเป็นตำหนิภายในของเพชรในที่สุด จากข้อมูลของสถาบัน GIA พบว่าคริสตัลที่พบในเพชร มาจากแร่ธาตุต่างๆกว่า 24 ชนิด สิ่งที่ทุกท่านควรระวังก็คือ เพชรสังเคราะห์อาจมีตำหนิภายในที่ดูคล้ายคริสตัล แต่ไม่ใช่แร่ธาตุจากธรรมชาติ มาจากสารเคมีที่ใช้ระหว่างกระบวนการผลิต จึงมักจะมีลักษณะเงาวาวเหมือนโลหะ การวิเคราะห์และระบุประเภทของตำหนิภายในเพชรจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะมาจากนักอัญมณี เนื่องจากต้องใช้ความเชี่ยวชาญและกล้องกำลังขยายสูงจากห้องปฏิบัติการ

Twinning Wisps



ตำหนิภายในที่มีลักษณะแบน คล้ายริบบิ้น เวลาเกิดมักจะแผ่กระจายตัวจากตรงกลางเพชรไปยังขอบเพชร เกิดจากโครงสร้างที่ผิดปกติภายในเพชร (Crystal distortion) ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีงานวิจัยที่บ่งบอกว่าพบเพชรสังเคราะห์ที่มี Twinning Wisps ดังนั้นถ้าหากพบตำหนิที่มีลักษณะแบนๆคล้ายริบบิ้นแบบนี้ แสดงว่าเป็นเพชรแท้จากธรรมชาติ

Etch channels


เป็นช่องลักษณะเหลี่ยมๆ ที่เกิดขึ้นบนพื้นผิวภายนอกของเพชร และขยายตัวเข้าไปในเนื้อเพชร หากใช้กล้องกำลังขยายสูงๆส่องดู จะพบร่องเป็นเส้นแนวนอนจำนวนมากตั้งฉากกับความยาวของตัวตำหนิ Etch channels เกิดจากการที่สารเคมีหรือของเหลวบางชนิดกัดกร่อนพื้นผิวภายนอกของเพชร ระหว่างการเดินทางของเพชรขึ้นมาสู่ผิวโลก จึงไม่ใช้สิ่งที่เพชรสังเคราะห์จะสามารถเลียนแบบได้

Triangular growth marks หรือ Trigons



ร่องรูปสามเหลี่ยมบนผิวเพชร ปลายสามเหลี่ยมของ Trigons จะชี้ไปด้านตรงข้ามกับหน้าเพชรที่เป็นรูปสามเหลี่ยมเสมอ จากภาพตัวอย่าง หน้าเพชรที่เป็นรูปสามเหลี่ยมชี้ขึ้น ปลายของ Trigons จะชี้ลง Trigons เกิดจากการที่เพชรเผชิญกับความร้อนและความดันสูงภายใต้เปลือกโลก ทำให้เกิดร่องรอยรูปสามเหลี่ยมนี้ขึ้นบนผิวของเพชร Trigons จึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ยืนยันว่าเพชรมาจากธรรมชาติ มักพบในเพชรดิบ หรือเพชรที่ไม่ผ่านการเจียระไน เนื่องจากในการเจียระไนจะมีการขัดเงาทำให้ลักษณะเฉพาะเหล่านี้ให้หายไป แต่สามารถพบได้บ้างบนขอบของเพชรที่ผ่านการเจียระไนแล้ว เนื่องจากผู้เจียระไนพยายามรักษาน้ำหนักของเพชรไว้ จึงไม่ขัดเงาบางส่วนของ Trigons

ผู้ผลิตเพชรสังเคราะห์ในปัจจุบัน มีความพยายามในการเลียนแบบ Trigons โดยการแกะสลักรูปสามเหลี่ยมบนเพชรทั้งที่ไม่ผ่านการเจียระไน และผ่านการเจียระไนแล้ว เพื่อเลียนแบบเพชรธรรมชาติ Ralph Diamond จึงขอเน้นย้ำให้ทุกท่านลงทุนซื้อเพชรที่มีใบเซอร์ครับ


Transparent Internal Graining in a cubic pattern



เส้นที่เป็นเหลี่ยมๆ หรือเส้นโค้งภายในเนื้อเพชร เกิดจากความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างการกำเนิดเพชร อาจมีลักษณะโปร่งใส มีสี หรือสะท้อนแสงก็ได้ โดยถ้าหากมีลักษณะโปร่งใส และไร้สี จะไม่ส่งผลต่อเกรดความสะอาดของเพชร (Clarity Grade) ***Internal graining ที่พบในเพชรแท้เท่านั้น จะเป็นเส้นโปร่งใสที่บรรจบกัน เป็นรูปทรงลูกบาศก์ หากเป็นเส้นเหลี่ยมๆหรือเส้นโค้งๆทั่วไป สามารถเกิดได้ทั้ง

แม้ว่าจะมีตำหนิภายใน (Inclusions) หลายประเภทที่พบในเพชรแท้เท่านั้น แต่การบอกความแตกต่างของตำหนิแต่ละประเภทต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากนักอัญมณี และเทคโนโลยีขั้นสูงจากสถาบันอัญมณีเข้ามาช่วย ภาพตัวอย่างจากสถาบัน GIA ที่ทาง Ralph Diamond นำมาให้ทุกท่านได้รับชม มาจากการใช้กล้องกำลังขยายสูงจากห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เห็นตำหนิได้ชัดเจน


ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้เพชรสังเคราะห์ในปัจจุบัน มีความคล้ายคลึงกับเพชรแท้มาก แม้กระทั่งในส่วนของตำหนิภายใน ซึ่งอาจทำให้คนทั่วไปสับสนและเข้าใจผิด การเลือกซื้อเพชรอย่างชาญฉลาด จึงควรลงทุนกับเพชรที่มีใบเซอร์ เนื่องจากมีผู้เชี่ยวชาญด้านอัญมณีคอยช่วยวิเคราะห์ให้ท่านอย่างครอบคลุมในทุกๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นประเด็นเรื่องของเพชรแท้จากธรรมชาติหรือเพชรสังเคราะห์ ตัวอย่างเช่น ใบเซอร์ใหญ่ (GIA Diamond Grading Report) มีการระบุว่าเป็นเพชรแท้ในส่วนแรกของใบเซอร์ ‘GIA Natural Diamond Grading Report’ รวมถึงมีการระบุประเภทและตำแหน่งของตำหนิเพชรบนแผนภาพ ตามที่ Ralph Diamond ได้เน้นสีแดงไว้ให้ทุกท่าน


ภาพจาก www.gia.edu


ใบเซอร์เล็ก (GIA Diamond Dossier) สำหรับเพชรแท้ตัวใบเซอร์จะเป็นสีทองเหมือนกับใบเซอร์ใหญ่ และมีการระบุประเภทของตำหนิ (Clarity Characteristic) ในส่วนของ Additional Grading Information ทำให้มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าท่านได้รับเพชรแท้


ภาพจาก www.gia.edu


อีกประเด็นสำคัญในการเลือกซื้อเพชร คือ ประเด็นเรื่องของความสวยงาม และความคงทนแข็งแรงของเพชร ไม่ว่าท่านจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับการซื้อเพชรหรือไม่ Ralph Diamond ยืนยันว่าทุกท่านไม่จำเป็นต้องวุ่นวายใจหรือหนักใจ เพชรทุกเม็ดที่ผ่านการประเมินจากสถาบันอัญมณีเพื่อรับรองใบเซอร์ จะได้รับการวิเคราะห์ตำหนิภายในที่ส่งผลต่อความสวยงามและความแข็งแรงของเพชร ทั้งในส่วนของขนาด จำนวน ตำแหน่ง ความโดดเด่น และประเภทของตำหนิ ดังนั้นเพียงแค่ดูเกรดความสะอาด (Clarity Grade) ของเพชรที่ปรากฏบนใบเซอร์ เพียงเท่านี้ทุกท่านก็จะทราบถึงคุณภาพของเพชรแต่ละเม็ด และสามารถเลือกซื้อเพชรได้อย่างคุ้มค่า


bottom of page